1. ปัจจัยจากเส้นขนและสีผิว
ลักษณะของขนและผิวที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ง่ายที่สุด คือผิวที่ค่อนข้างขาวเมื่อเปรียบเทียบกับสีของเส้นขน เพราะขนที่เส้นหนาสีดำ สามารถดูดกลืนแสงได้ดี ในขณะเดียวกันสีผิวที่มีความเข้มของเม็ดสีน้อย ก็จะไม่ดูดกลืนแสง จึงทำให้ผิวปลอดภัยไม่เบิร์น สามารถเพิ่มพลังงานของคลื่นได้สูง และประสิทธิภาพในการกำจัดขนก็จะสูงขึ้นเช่นกัน
2. ปัจจัยจากคนไข้
การให้ความร่วมมือในช่วงที่ทำการรักษา มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาตามช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยจะประเมินจาก วงจรชีวิตของเส้นขน (Hair cycle) ในแต่ละบริเวณที่มีระยะเวลาแตกต่างกันออกไป การยิงที่ถี่บ่อยเกินไปนอกจากจะไม่ปลอดภัยต่อผิวแล้วยังมีส่วนลดประสิทธิภาพการรักษาเพราะเซลล์รากขนอ่อนถูกกระตุ้นมากขึ้นแทน ในขณะที่การรักษาที่เว้นระยะมากเกินไปก็จะทำให้โอกาสที่คลื่นจะโดนเซลล์รากขน ลดลงไปเช่นกัน
3. ปัจจัยจากเทคโนโลยี
เพราะเครื่องเลเซอร์ก็เหมือนเครื่องยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ การรักษาด้วยเลเซอร์ในสถานพยาบาล มีอัตราการรับบริการสูง เครื่องที่มาตรฐานการผลิตไม่ดี ย่อมไม่สามารถคงความสม่ำเสมอของพลังงานคลื่น และระบบทำความเย็นไว้ได้ตลอดทั้งวันที่ใช้งาน แล้วมาตรฐานการผลิตเครื่องในระดับสากลอย่าง USFDA ที่เบคลินิกเลือกใช้ในเลเซอร์ทุกเครื่อง จึงเป็นตัวรับรองถึงมาตรฐานการรักษาในทุกเคสว่าจะได้ประสิทธิภาพที่ดีทุกครั้งที่เข้ารับบริการ
4. ปัจจัยจากเทคนิควิธีการ
ทีมผู้ให้บริการทุกคนจะได้รับการฝึกฝนและทดสอบก่อนให้บริการ เรื่องวิธีการประเมิน ชนิดของผิว (skin type) ลักษณะของเส้นขน (Hair characteristic) เพื่อนำไปปรับตั้งค่าพลังงานแบบจำเพาะ รวมถึงจำนวนช๊อทต่อพื้นที่ผิวรักษา และการประเมินจุดสิ้นสุดการรักษา (End point) ที่เป็นหัวใจหลักที่จะทำให้การรักษาด้วยเลเซอร์แต่ละครั้ง คนไข้ได้ประโยชน์สูงสุด
ยารับประทาน สำหรับเคสที่มีฝ้ารุนแรง โดยหมอจะดูแล ปรับโดสยาให้ตลอด