เป็นการปรับปรุงพัฒนาในรอบ 3 ปี ของเทคโนโลยีเครื่องกระชับชนิดคลื่นวิทยุขั้วเดี่ยว (Monopolar radio frequency; RF) ที่ทำให้มีประสิทธิภาพในการกระชับลงลึกและมากขึ้น ปลอดภัยและสบายผิวยิ่งขึ้น อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการลดปริมาณไขมันใต้ผิวสำหรับบางบุคคลที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน
โดยให้เกิดความร้อนสะสม และอุณหภูมิสูงเพียงพอ (Optimal heat for collagenesis) สามารถลงได้ครอบคลุมชั้นหนังแท้ (Dermis) และไขมันใต้ผิว (Subcutaneous) จึงทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่หย่อนคล้อยหดตัวหลังทำทันที และเกิดการสร้างเส้นใยใหม่ตามมา และปรับเทคนิคการยิงให้ลดปริมาณไขมันส่วนเกินใต้ผิวเฉพาะจุดได้ โดยไม่ต้องทนเจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำการรักษา
นี่จึงเป็นข้อแตกต่างระหว่าง OLIGIO X และ RF อื่นทั่วไป จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยระดับน้อยถึงมาก และในบางบุคคลที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังก็สามารถปรับแต่งเทคนิคเพิ่มเติมได้ ครอบคลุมปัญหาทั้งใบหน้า เหนียง และลำตัว แขน ขา
ถือเป็น 4th Generation Monopolar RF เพราะมีการปรับปรุงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยให้เหนือกว่าเครื่องอื่น ๆ ที่มีเทคโนโลยีคล้ายคลึงกัน
2.อัตรากำลังสูงสุดของเครื่องที่เพิ่มมากขึ้น (Maximum power up to 400 watts from 145 watts)
เป็นเทคโนโลยีเครื่องกระชับผิวชนิดคลื่นวิทยุที่มีอัตรากำลังสูงที่สุดในท้องตลาด ทำให้สามารถสร้างพลังงานความร้อนครอบคลุมได้ลึกมากยิ่งขึ้น นอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนใหม่ ยังสามารถปรับเทคนิคให้เกิดการสะสมพลังงานเพื่อลดปัญหาไขมันส่วนเกินใต้ผิวได้อีกด้วย จึงได้ทั้งผลลัพธ์การกระชับ และสลายไขมันหากต้องการ
3. ระบบตรวจจับอุณหภูมิผิวแบบ Real-time feedback
เนื่องด้วยประสิทธิภาพเครื่องในการทำความร้อนที่สูงขึ้น ระบบตรวจจับอุณหภูมิจึงมีความรัดกุมมากขึ้น โดยจะเป็นการตรวจวัดทุกช็อตก่อนปล่อยพลังงานและตัดอัตโนมัติหากอุณหภูมิเกิน ป้องกันปัญหาความร้อนสะสมมากเกินไปที่อาจนำไปสู่ปัญหาผิวไหม้/อักเสบ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
4.ระบบทำความเย็นปกคลุมผิวที่ดียิ่งขึ้น (Stronger adjustable cooling)
ออกแบบให้ระบบทำความเย็นแพทย์เลือกปรับได้ถึง 3 ระดับ เพื่อให้แพทย์ปรับเทคนิคได้เหมาะสมกับสภาพผิวคนไข้ที่แตกต่างกัน และปล่อยความเย็นร่วมกัน 511 เฟส ทำให้สบายผิว ลดอาการเจ็บ และลดโอกาสเสี่ยงผิวไหม้อักเสบระหว่างทำหัตถการ เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในทุกสภาพผิว
5.ครอบคลุมเนื้อเยื่อชั้นลึกมากขึ้น โดยไม่สลายไขมันหน้าเด็ก (Deeper layer by only 6.78 MHz)
ไม่ทำให้หน้าตอบ ไม่ทำให้ไขมันหน้าเด็ก/ไขมันชั้นลึกสลาย ด้วยเทคโนโลยีการเพิ่มกำลังของเครื่อง ร่วมกับระบบทำความเย็นและเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ โดยไม่มีการลดความถี่คลื่น จึงทำให้ก้อนพลังงานความร้อนลงลึกขึ้น แต่ไม่ลึกเกินไป จนอาจไปทำลายชั้นไขมันใต้ SMAS ที่ใช้ในการยกพยุงโครงสร้างใบหน้า ที่ทำให้ใบหน้าดูเด็ก ดูมีมิติ
เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องความแม่นยำในการรักษาคอลลาเจนชั้น SMAS เทคโนโลยีโฟกัสอัลตราซาวด์พร้อมจอแสดงภาพจึงยังเป็นเทคโนโลยีเดียวที่ใช้กระตุ้นคอลลาเจนชั้น SMAS ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
Program Oligio X
เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน?
เนื่องจากการออกฤทธิ์หลักเป็นการเพิ่มปริมาณและคอลลาเจนในชั้นผิวหนังและไขมันใต้ผิว จึงทำให้เกิดการหดกระชับตัวเข้าของบริเวณที่ทำการรักษา ได้แก่
ทำ OLIGIO X เจ็บไหม?
เป็นหัตถการที่จะรู้สึกเพียงอุ่น ๆ ระหว่างทำการรักษา และโดยมากผู้รับบริการมักจะหลับขณะทำด้วยซ้ำ เพราะเทคโนโลยีที่พัฒนาสูงขึ้นอีกขั้นจากเครื่อง RF อื่น เช่น THERMAGE, THERMATRIX และปราศจากการใช้เข็มแบบ MORPHEUS, POTENZA, SYLFIRM
OLIGIO X หลังทำ เห็นผลทันทีประมาณ 2030% และจะค่อย ๆ เห็นผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ชัดเจนเต็มที่เมื่อระยะเวลาผ่านไป 2 เดือน และคงความพึงพอใจของผลลัพธ์ความกระชับโดยมากได้นาน 612 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลผิวของแต่ละคน
ทั้งนี้ คอลลาเจนที่เกิดตามหลังมาไม่ได้มีอายุการใช้งานที่จำกัด เพียงแต่การทำซ้ำในช่วง 46 เดือนจะถือเป็นการสะสมต้นทุนคอลลาเจนมากขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง อ่อนเยาว์มากขึ้นเรื่อย ๆ
การทำงานของ OLIGIO X จะต่างออกไป เพราะเน้นการเพิ่มปริมาณคอลลาเจนที่ชั้นผิวหนังและไขมันใต้ผิว จึงมีผลในการหดกระชับเข้าของบริเวณที่รักษา เช่น ไขมันเปลือกตา ถุงใต้ตาบวม แก้ม เหนียงที่ป่อง ผิวไม่เรียบเนียน ไขมันส่วนเกินใต้ผิว รูขุมขนกว้าง ความมันส่วนเกินที่ผิว ปัญหาสิวเรื้อรัง
แต่กลุ่มโฟกัสอัลตราซาวด์ เช่น ULTRAFORMER และ ULTHERA จะเน้นการเพิ่มปริมาณคอลลาเจนที่ชั้น SMAS ซึ่งมีผลหลักในการยกตัวขึ้นของบริเวณที่รักษา เช่น หางคิ้ว หางตาตก รอยพับย่นของร่องแก้ม ร่องมุมปาก ร่องน้ำตา แก้มตกย้อย
เพราะพลังงานของ OLIGIO X กระจายออกเป็นวงกว้าง ขนาดใหญ่กว่ากลุ่มโฟกัสอัลตราซาวด์ ที่พลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ เพียง 1 มม. ถึง 400 เท่า จึงครอบคลุมผิวหนังและไขมันใต้ผิวทั้งหมด
ดังนั้นแล้ว ในหลาย ๆ เคสที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย หมอจึงออกแบบการรักษาโดยผสมผสานทั้ง 2 เทคโนโลยีร่วมกันอย่างลงตัว เพื่อให้เกิดการหดยุบตัวเข้า เน้นไปที่ การกระชับผิวและไขมัน ด้วย OLIGIO X และการยกตัวขึ้นจาก SMAS ด้วย ULTHERA หรือ ULTRAFORMER
ข้อห้ามในการรักษาด้วย OLIGIO X ได้แก่
นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังบางประการที่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ในการออกแบบการรักษา ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เช่น การทำหัตถการความงามอื่นก่อนหน้าในช่วง 24 สัปดาห์, บุคคลที่ใช้ยาต้านการอักเสบ, ประวัติการเป็นแผลเป็นนูน เช่น คีลอยด์, เคสที่มีไขมันใต้ผิวปริมาณน้อย เพราะอาจจะทำให้ดูซูบหรือตอบมากเกินไป
การใช้งาน OLIGIO X แพทย์จะตรวจประเมินปัญหาความหย่อนคล้อย และความหนาของชั้นไขมันใต้ผิวในแต่ละบุคคลก่อนเสมอ เพราะโปรแกรมการรักษาสามารถปรับได้โดยละเอียด ในเคสที่มีความหย่อนคล้อยตั้งแต่ระดับน้อย ปานกลาง หรือมาก เคสที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินร่วมด้วย หรือไม่มีปัญหาไขมันส่วนเกินเลย รวมถึงสภาพผิวโดยรวมของคนไข้แต่ละบุคคล เพื่อนำไปสู่แผนการรักษาที่แพทย์จะปรับใช้ระดับทำความเย็นแบบใด ใช้โหมดการปล่อยพลังงานแบบ G หรือแบบ X mode อย่างละกี่ช็อต และมุ่งเน้นการสลายไขมันเฉพาะจุดใดเป็นพิเศษหรือไม่ ระดับพลังงาน ความถี่ต่อช็อตที่ยิง ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด